วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ไขปริศนาพายุหิมะ โลกร้อนหรือโลกเย็นกันแน่ !! (นาย วราภาส เขียวเกษม ม.5/6 เลขที่ 29)



ภาพ www.thefirstpost.co.uk
สภาพอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้นทางซีกโลกเหนือไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ  ยุโรป หรือจีน  ที่หลายแห่งทำลายสถิติในรอบ 10 ปี 30 ปี 60 ปีไปจนถึง 100 ปี และยังแผ่ลงไปจนถึงรัฐฟลอริด้าซึ่งอยู่ทางใต้ซึ่งปกติเป็นเขตอบอุ่น  ทำให้ป่วนไปหมดทั้งคน  สัตว์  พืช  ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
นักวิทยาศาสตร์หลายสำนัก พยายามจะอธิบายปรากฏการณ์หนาวที่เกิดขึ้น คำอธิบายชุดหนึ่งก็คือ  เป็นเพราะการแกว่งตัวตามวงรอบของมวลอากาศเย็นของอาร์กติกและแอตแลนติกเหนือ  การแกว่งตัวของมวลอากาศถ้าจะอธิบายอย่างง่ายๆ ก็คงเหมือนกับเราไกวเปล  ก็จะมีจังหวะที่เปลขึ้นสูงสุด  และลงต่ำสุด  สลับกันไปในจังหวะที่แน่นอน  และมีวงรอบที่แน่นอน  เช่น 10 ปี 15 ปี เป็นต้น  จังหวะที่ทำให้หนาวเย็นก็คือ ช่วงที่มวลอากาศจากอาร์กติกและแอตแลนติกเหนือแกว่งไปถึงจุดสูงสุด  ที่น่าสนใจก็คือชุดของการแกว่งตัวนี้มีอยู่นับพันชุด  แต่ละชุดมีวงรอบของการแกว่งตัวที่ทำให้เกิดอากาศเย็นเป็นระยะเวลาไม่เท่ากัน 
ดร.อานนท์  สนิทวงศ์ ณ อยุธยา  ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สันนิษฐานว่าความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในปีนี้  เกิดจากวงรอบของการแกว่งตัวที่นำความหนาวเย็นแต่ละชุดเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จึงเสริมกันทำให้ยิ่งมีความหนาวเย็นมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก แถมยังอาจถูกเสริมด้วยความปั่นป่วนและแปรปรวนของสภาพอากาศที่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน  จึงทำให้อากาศหนาวจนถึงขั้นทำลายสถิติในรอบหลายสิบถึงร้อยปี  แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า อะไรเป็นตัวควบคุมการแกว่งตัวดังกล่าว
อีกทฤษฎีหนึ่งก็พยายามจะอธิบายด้วยระบบกระแสน้ำโลก โดยนักสมุทรศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตาความเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็น 

ปกติเส้นทางการเคลื่อนตัวของกระแสน้ำโลก  หรือ Great Ocean Conveyor Belt  จะรับเอาความอบอุ่นบริเวณศูนย์สูตรมาถ่ายเทให้บริเวณยุโรปและอเมริกาให้ไม่เย็นจนเกินไป  และรับเอาความเย็นของซีกโลกเหนือลงไปให้บริเวณศูนย์สูตรเพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป  แต่การไหลของกระแสน้ำนี้กำลังถูกจับตาว่ามันเคลื่อนตัวช้าลง  เพราะโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งละลายลงไปในมหาสมุทรจำนวนมหาศาลนั้น ทำให้กระแสน้ำเย็นลงจนเคลื่อนตัวช้าลง  การถ่ายเทความอบอุ่นไปซีกโลกเหนือจึงไม่ดีเหมือนเดิม ผลที่ตามมาคือเกิดความหนาวเย็นสุดขั้วขึ้น  เป็นหลักการเดียวกันกับเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow แต่การเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแบบในหนังนั้นก็แทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้
สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ดร.อานนท์  บอกด้วยว่า ต้องดูความถี่ว่าเกิดถี่ขึ้น หรือเกิดขึ้นทุกปีหรือไม่  ถ้าเกิดบ่อยขึ้นหรือทุกปี ก็อาจส่อให้เห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับของภูมิอากาศโลก  ไม่ใช่แค่สภาพอากาศเฉพาะในช่วงฤดูนั้นๆ ของแต่ละปี  แต่จะต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลอย่างละเอียดไม่น้อยกว่า 30 ปีจึงจะชี้ชัดได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้จริงหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร  เราคงไม่จำเป็นต้องรอหาสาเหตุ  สิ่งที่เราทำได้เลยคือ  ลดโลกร้อน  ด้วยการบริโภคทุกอย่างแต่พอดี

ที่มา http://www.greenworld.or.th/columnist/situation/427


จัดทำโดย นาย วราภาส  เขียวเกษม ม.5/6 เลขที่ 29

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น