
มีหลายคนคงสงสัยว่าหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยใดกันแน่ มีหน้าที่ในการ ในการ รับสมัคร สอบคัดเลือก แข่งขัน บุคคล เข้ารับราชการตำรวจ ซึ่งมี หลายหลักสูตร
เพื่อเข้าใจง่ายๆ ถ้าท่านต้องการที่จะสมัครเข้ารับราชการตำรวจ ด่านแรก ก็คือ"กองการสอบ"เป็นหน่วยงานเทียบเท่า กองบังคับการ สังกัด สำนักงานกำลังพล ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ในการสรรหา และ จัดให้มี การสอบคัดเลือก แข่งขัน ซึ่งถือว่า เป็นศูนย์รวมการสอบทุกหลักสูตร เพราะเป็นหน่วยงานที่กำหนด และพัฒนา มาตรฐานของการสอบด้วย จากนั้น ก็ส่งให้หน่วยงาน ที่ทำหน้าที่ศึกษาอบรม ได้แก่
1. "กองบัญชาการศึกษา" ซึ่งจะมี กองอำนวยการศึกษา เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล ( มี โรงเรียนตำรวจนครบาล และโรงเรียนตำรวจภูธร 1 - 9 เป็นหน่วยฝึกอบรม ) ให้การศึกษาและฝึกอบรม หลักสูตรนักเรียนพลตำรวจ นอกจากนี้ สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ ซึ่งสังกัด กองบัญชาการศึกษา ฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ สัญญาบัตร หลักสูตรต่างๆจนถึง ระดับผู้บริหารงานตำรวจชั้นสูง
2. "กองบัญชาการโรงรียนนายร้อยตำรวจ" ให้การศึกษาและฝึกอบรม หลักสูตรนักเรียนนายร้อยตำรวจเพื่อบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการ-ตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร ในตำแหน่งรองสารวัตร หรือเทียบเท่า ตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3. "วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ" สังกัดสำนักงานแพทย์ใหญ่ มีหน้าที่ในการผลิตบุคลากร ทางการแพทย์ ให้กับหน่วยงาน ทางการแพทย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
1.กองการสอบ สังกัด สำนักงานกำลังพล
สถานที่ตั้ง กองการสอบ อาคาร 19 ชั้น 4 กรมตำรวจ ถนนพระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 205-1595-6, 205-2672-3( ดูรายละเอียดที่ http://www.recruitment.police.go.th ) มีภาระกิจหน้าที่ในการสรรหาบุคคล เข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ สอบบรรจุเข้ารับราชการ และตลอดจนการสอบแข่งขันเข้าศึกษาอบรม หลักสูตรต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
1.1 สรรหาบุคคล หลักสูตรที่รับผิดชอบโดยตรง
1.1.1หลักสูตร ผู้มีวุฒิ ปวช.เป็น พลตำรวจ
1.1.2 หลักสูตร ผู้มีวุฒิ ปริญญาตรี เป็น ร.ต.ต.( ร้อยตำรวจตรี )
1.1.3 การทดสอบเชาว์ปัญญา(ทายาท)
1.1.4 การเลื่อนยศ จ.ส.ต. เป็น ด.ต.
1.2 สรรหาบุคคล หลักสูตร ที่ร่วมหน่วยงานอื่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
1.2.1 หลักสูตรนักเรียนเตรียมทหาร (ของ กองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ)
1.2.2 หลักสูตรนักเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนเตรียมทหาร (ของ กองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ)
1.2.3 หลักสูตรนักเรียนพลตำรวจ (ของ กองบัญชาการศึกษา->โรงเรียนตำรวจนครบาล, โรงเรียนตำรวจภูธร 1-9 )
1.2.4 หลักสูตรนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลตำรวจ นักเรียนพยาบาลตำรวจ
2.กองบัญชาการศึกษา
สถานที่ตั้ง 100 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900, โทร 02-5139362-71 (ดูที่ htttp://www.edu.police.go.th ) กองบัญชาการศึกษา มีหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ ฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการศึกษา, กองอำนวยการศึกษา, สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจโรงเรียนตำรวจนครบาลและโรงเรียนตำรวจภูธร 1-9 กองบัญชาการศึกษา ยังแบ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบการการฝึกอบรม ตามหลักสูตรต่างทั้งที่ สรรหามาใหม่ และฝึกอบรมพัฒนา บุคคลากรในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังนี้
2.1 สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ เป็นหน่วยงานที่เน้นฝึกอบรมพัฒนาข้าราชการตำรวจ สถานที่ตั้ง ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ (ดูที่http://www.ipad.police.go.th/ )
- หลักสูตรการบริหารงานตำรวจชั้นสูง(หลักสูตรผู้บังคับการ)
- หลักสูตรผู้กำกับการ
- หลักสูตรฝ่ายอำนวยการตำรวจ
- หลักสูตรสารวัตร
- หลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา
- หลักสูตรการเงินงบประมาณระดับสารวัตร
2.2 กองอำนวยการศึกษา โดย โรงเรียนตำรวจนครบาล และโรงเรียนตำรวจภูธร 1 - 9
- หลักสูตรการฝึกอบรมนักเรียนพลตำรวจ
- หลักสูตรพัฒนาข้าราชการตำรวจชั้นประทวนและพลตำรวจ
- หลักสูตรพัฒนาข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
สถานที่ติดต่อ
1. โรงเรียนตำรวจนครบาล โทรศัพท์ (02) 521-0421
2. โรงเรียนตำรวจภูธร 1 โทรศัพท์ (036) 220334-7
3. โรงเรียนตำรวจภูธร 2 โทรศัพท์ (038) 278201-2
4. โรงเรียนตำรวจภูธร 3 โทรศัพท์ (044) 371389
5. โรงเรียนตำรวจภูธร 4 โทรศัพท์ (043) 236672
6. โรงเรียนตำรวจภูธร 5 โทรศัพท์ (054) 269292-4
7. โรงเรียนตำรวจภูธร 6 โทรศัพท์ (056) 223011
8. โรงเรียนตำรวจภูธร 7 โทรศัพท์ (034) 242753
9. โรงเรียนตำรวจภูธร 8 โทรศัพท์ (077) 200424
10.โรงเรียนตำรวจภูธร 9 โทรศัพท์ (073) 212870, 211702
3.กองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
สถานที่ตั้ง โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โทรศัพท์ (034) 222950 (ดูที่ http://www.pca.ac.th ) มีหน้าที่ในการฝึกอบรมนักเรียนนายร้อยตำรวจ ที่รับจากนักเรียนเตรียมทหาร บุคคลภายนอก และ ข้าราชการตำรวจ เป็นสถาบันอุดมศึกษาของกรมตำรวจ มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ในการให้การศึกษาอบรม นักเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการ-ตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร ในตำแหน่งรองสารวัตร หรือเทียบเท่า ตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4.วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ
สถานที่ตั้ง วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ 492/1, ถ.อังรีดูนังต์, ปทุมวัน, กรุงเทพฯ 10330 โทร: 662-2513958. Fax: 662-2158946 (ดูที่ http://www.nurse.police.go.th )
1 หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
ระยะเวลาการศึกษา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาพยาบาลศาสตรบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2.หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี)
หลักสูตรนี้ได้เปิดสอนขึ้นในปี พ.ศ.2541 เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานแพทย์ใหญ่ ระยะเวลาการศึกษา 2 ปี ผู้เข้าศึกษาเป็นบุคลากรทางการพยาบาลของสำนักงานแพทย์ใหญ่ และหน่วยงานต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาพยาบาลศาสตรบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล
ระยะเวลาการศึกษา 1 ปี ผู้เข้าศึกษารับจากข้าราชการตำรวจและบุคคลภายนอกบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล
4.หลักสูตรพยาบาลภาคสนาม
ระยะเวลาอบรม 4 เดือน ผู้รับการอบรมเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนในสังกัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ของสำนักงานแพทย์ใหญ่ ซึ่งยังไม่เคยผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรพยาบาลภาคสนามมาก่อนผลิตปีละ 2 รุ่น
5.หลักสูตรเฉพาะทาง สาขาการพยาบาลศัลยกรรมอุบัติเหตุ
เป็นการจัดการศึกษาให้แก่พยาบาลในระดับหลังปริญญาตรี จากทั่วประเทศเข้ารับการอบรม ใช้ระยะเวลาการอบรม 3 เดือน เริ่มเปิดการอบรมในปี พ.ศ. 2544
ข้อความโดย ผมเองครับ รวมไว้นานแล้ว

-------------------------------------
ขออนุญาตตอบเป็นไทย(เพื่อนคนอื่นๆ จะได้รู้ด้วย) ตามภูมิรู้นะครับ
ระบบการฝึกอบรมของตำรวจหลังสำเร็จการศึกษาหรือในระหว่างปฏิบัติงาน (In service training) นั้นหลักๆ มี 3 แบบ ได้แก่
1. การฝึกอบรมโดยสถาบันที่ทำหน้าที่พัฒนาข้าราชการตำรวจได้แก่ บช.ศ. (โดย สบพ.) ซึ่งจัดอบรมข้าราชการตำรวจก่อนดำรงตำแหน่งในระดับต่างๆ เป็นหลักสูตร pre-position (เช่นที่พวกเราเคยอบรมกัน) และสถาบันพัฒนางานสอบสวนซึ่งฝึกอบรมหลักสูตรต่างในส่วนสายงานสอบสวน
2. การฝึกอบรมตามแผนพัฒนากำลังพลของ ตร. เป็นการจัดหลักสูตรการอบรมในวิชาด้านต่างๆ ที่ ตร. เห็นว่ามีความจำเป็นในปัจจุบัีน โดยจะกำหนดเป็นแผนการอบรมในแต่ละปี และจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานที่ ตร. เห็นว่ามีศักยภาพเป็นผู้จัดการอบรมให้ตำรวจทั่วประเทศ(ส่วนใหญ่จะจัดสรรให้ บช.ศ.,รร.นรต. บางหลักสูตรที่ บช.น. ก็มี) หรือเป็นแผนการจัดอบรมที่จัดสรรให้ตามที่หน่วยร้องขอ
3. การฝึกอบรมโดยหน่วยเอง เป็นกรณีที่ ตร.ไม่มีงบประมาณมาให้ แต่เมื่อหน่วยงานเห็นความจำเป็นในการพัฒนาบุคลากรเพิ่มเติมก็สามารถจัดอบรมด้วยตนเองได้ โดยสามารถเจียดงบประมาณของหน่วยหรือแสวงหาแหล่งเงินทุนในการจัดอบรมเองตามศักยภาพ ซึ่งดำเนินการเองในระดับหน่วยงาน อาจจะเป็นระดับ บช./บก. หรือ สน. ก็ได้
ส่วนทุนการศึกษาหรือทุนการฝึกอบรมแบบที่จุ๊บอยากรู้นั้น (ขอแจ้งให้เพื่อนๆ ทราบก่อนว่าจุ๊บเพื่อนเราได้ทุนมาบุโชหรือทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เป็นทุนของตำรวจ ทั้งๆ ที่จุ๊บเองก็เป็นตำรวจคงจะข้องใจว่าตำรวจมีทุนหรือเปล่า ทำไมจุ๊บต้องไปแสวงหาถึงขนาดนั้นด้วย) ขอแจ้งรายละเอียดเท่าที่ทราบและน่าสนใจสำหรับเพื่อนๆ มีดังนี้
1. ทุนฝึกอบรมของสถาบัน IREA ซึ่งเป็นสถาบันการฝึกอบรมระหว่างประเทศโดยความร่วมมือของสหรัฐอเมริกากับประเทศในแถบเอเชียได้จัดตั้งสถาบันนี้ขึ้นมาประมาณ 2-3 ปี ที่แล้วนี้เอง ที่ตั้งอยู่ใกล้สโมสรตำรวจ จะมีการฝึกอบรมหลักสูตรนานาชาติที่เกี่ยวกับงานตำรวจหลายหลักสูตรในแต่ละปี โดยประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการอบรม แต่ละหลักสูตรน่าสนใจมากเนื่องจากมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาสอนและหลักสูตรส่วนใหญ่จะมีล่ามให้ ที่สำคัญยังมีเบี้ยเลี้ยงให้อีก ตอนเปิด IREA ใหม่ๆ ต้องอ้อนวอนคนไปเรียนไม่ให้เสียที่นั่งในโควต้าของประเทศไทย แต่ปัจจุบันเป็นที่สนใจมากมีการยื่นสมัครตรงที่ IREA จนแทบจะไม่มีการแจ้งเวียนรับสมัครแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจแนะนำไปติดต่อขอดูหลักสูตรแล้วยื่นสมัครที่ IREA โดยตรง โดยควรจะทำหนังสือสนับสนุนจากหน่วยงานด้วย(ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ไม่ควรต่ำกว่า บช.) จะทำให้มีน้ำหนักขึ้น
2. ทุนฝึกอบรมต่างประเทศที่ ตร. ได้รับการจัดสรรจากแหล่งทุนต่างๆ เป็นกรณีที่มีหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนทุนการอบรมให้กับตำรวจให้กับ ตร. เช่น ทุนอบรม FBI เป็นต้น จะมี ตท.(Forrieng Affair Office)เป็นผู้ดำเนินการ ในแต่ละปีจะมีการสอบขึ้นบัญชีทุนโดยมีการสอบภาคภาษาอังกฤษกับภาควิชาการ ปี 2548 นี้เพิ่งจะสอบไปเมื่อ 23 มิ.ย.48 ที่ผ่านมา รุ่นเรามีข้าฯ กับต่อพงษ์ไปสอบ โดยจะเรียงอันดับคะแนนขึ้นบัญชีไว้แล้วถามความสมัครใจในการไปอบรมทุนต่างๆ ตามลำดับและตามคุณสมบัติในการรับทุน(เช่น พวกเราไม่สามารถไปอบรมด้านนิติเวชได้ เป็นต้น) แต่เท่าที่ทราบมาทุนดีๆ เช่น FBI จะมีผู้เหมาะสมเรียบร้อยก่อนถึง ผู้ขึ้นบัญชีแทบทั้งนั้น แต่ก็แนะนำให้สอบขึ้นบัญชีไว้เพราะก็มีทุนมาถึงให้ไปได้เหมือนกันเป็นโอกาสเปิดโลกทัศน์ หากใครสนใจว่าจะสอบเมื่อใด โทรมาถามข้าฯ หรือต่อพงษ์ฯ ก็ได้ (คุณต่อมันพวกนักล่าทุนอบรม)
3. กรณีทุนอบรมขาจร ไม่ได้เป็นทุนขาประจำและหาผู้ขึ้นบัญชีที่ต้องการไปไม่ได้ หรือเป็นทุนที่มาในกรณีเร่งด่วน ตท.จะใช้วิธีแจ้งเวียนสอบถาม ถ้ามองในแง่ดีก็เป็นสาเหตุให้การแจ้งเวียนทุนการฝึกอบรมต่างๆ ถึงมาช้าไม่ค่อยจะทันการ หรือไม่ค่อยแจ้งเพราะต้องให้ผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้ก่อน หรือถ้ามองในแง่ร้ายก็คือกั๊กไว้ให้พวกตัวเอง อันนี้แล้วแต่ีมุมมองนะครับ ไม่ขอออกความเห็นไปกระทบกระเทือนบุคคลหรือหน่วยงานใด ก็แนะนำให้สอบขึ้นบัญชีทุนไว้ก่อนมีโอกาสดีกว่า
4. กรณีทุนการศึกษา(ทุนปริญญา) ของตำรวจนั้นที่เห็นมีแจ้งเวียนเป็นประจำทุกปี ที่น่าสนใจ
4.1 ทุนรัฐบาลอังกฤษซึ่งคล้ายกับที่จุ๊บได้คือเป็นทุนของรัฐบาลต่างประเทศเราต้องไปติดต่อสถานฑูตเพื่อสอบเอง เป็นทุนระดับปริญญาโท ซึ่งจริงๆ แล้วหากเพื่อมีผลสอบ IELST ถึง 6.5 ก็น่าสนใจมาก เพราะรัฐบาลอังกฤษมีแนวโน้มจะให้ทุนตำรวจถึงกับเชิญตำรวจไปร่วมสอบทุกปี เสียอยู่อย่างสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเลยค่อนข้างยาก หาตำรวจไปสอบยากมาก
4.2 ทุนปริญญาโทวิชาการตำรวจไต้หวัน มีทุกปีเหมือนกัน อันนี้สมัครผ่าน ตร. ตร.เป็นคนคัดเลือก ส่วนมากจะส่งคนไปน้อยกว่าที่นั่งที่ได้รับ หากเพื่อนๆ คิดว่าภาษาจีนเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคตก็น่าสนใจครับ
4.3 กรณีทุนพัฒนาข้าราชการในโควต้าของ ตร. เป็นทุนที่ทาง ตร. ต้องทำโครงการไปให้สำนักงาน กพ.คัดเลือก (พูดง่ายๆ คือส่งทุนไปเข้าประกวด) หาก กพ. เห็นว่ามีประโยชน์ก็จะจัดสรรโควต้าทุนให้แล้วให้ ตร. คัดเลือกเอง แต่การที่ ตร.คัดเลือกเองก็อาจเป็นปัญหาว่าทุนดีอาจมีกำหนดตัวคนไว้แล้ว หรือถ้าทุนไม่ดีก็ไม่มีคนไป พอไม่มีคนไปบ่อยๆ เข้า กพ.ก็จะยกเว้นทุน ยกตัวอย่างปี 2547 มีทุนกฎหมายที่ฝรั่งเศส กับทุนนิติเวช ไม่้มีคนไป ปี 2548 จึงไม่ได้รับการจัดสรรทุนเป็นต้น อันนี้ผู้สนใจให้ติดตามข่าวสารจาก www.oscs.go.th หากมีทุนของตำรวจให้ประสานที่ อต.(เปลี่ยนโครงสร้างใหม่ไม่รู้ว่าเป็นหน่วยไหน แต่น่าจะอยู่ใน สกพ.) เพื่อทราบกำหนดการคัดเลือกและวิธีการสมัคร
4.4 ถ้า ตร. ไม่มีทุนก็ลองหาทุนตามแหล่งอื่นๆ ดู รู้สึกเพื่อนวีแนะนำไว้ในบอร์ดแนะนำเว็ปไซต์ฐานข้อมูลแล้ว หรืออาจเป็นทุนรัฐบาลของ ก.พ. ซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปก็ได้ แต่เสียอย่างถ้าไม่ใช่ทุนตำรวจล่ะก็จะต้องโอนย้ายไปส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรทุน
กรณีความล่าช้าที่จุ๊บเรียกว่า Redtape นั้น อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการดังนี้
1. ความไ่ม่โปร่งใสในการตัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนของ ตร.
2. ความเร่งด่วนจริงๆ ของหน่วยงานที่สนับสนุนทุน
3. เจ้าหน้าที่ของหน่วยล่างไม่ให้ความสำคัญกับการแจ้งเวียนให้ข้าราชการในสังกัดทราบ(เป็นสาเหตุหลักในอันดับต้นๆ) เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้รับหนังสืออาจรู้สึกว่าแจ้งไปก็ไม่มีใครสมัครเพราะแจ้งมาหลายครั้งแล้วไม่เคยมีคนตอบ เลยไม่ให้ความสนใจที่จะแจ้งเวียนจึงทำให้เราไม่ทราบ จะโทษแต่ ตท. นั้นไม่ได้ แนะนำให้ผู้สนใจลองสอบถามหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นระยะ และอย่าลืมสอบขึ้นบัญชีทุนไว้ในแต่ละปีด้วย อย่างน้อยก็เป็นการวัดระดับความรู้ของตนเอง
ป.ล. หวังว่าคงจะสามารถไขข้อข้องใจเพื่อนจุ๊บได้หมดนะ หากเพื่อวีเห็นว่ามีประโยชน์เอาไปใส่ในฐานข้อมูลด้วยก็ดี โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าการฝึกอบรม การพัฒนาตนเองเป็นเรื่องสำคัญ โลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมาก อยากให้เพื่อนสนใจกันเยอะๆ
อยากให้รุ่นเราก้าวหน้า Education is power.
ที่มา : http://www.siampolice.com/forum/index.php?PHPSESSID=d1af7737cad7d3016667698674c41c6d&topic=589.0
จัดทำโดย นายวราภาส เขียวเกษม ม.5/6 เลขที่29
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น